ลูกติดจุกหลอก
การที่ ลูกติดจุกหลอก แทนการดูดนมขวดในเวลานอน หรือในตอนที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ การใช้งานอะไรที่มากเกินไปก็ไม่ใช่ผลดีไปซะทีเดียวเลยค่ะ วันนี้ Kidminute จะมาแนะนำว่า การใช้จุกหลอกดี หรือไม่ดียังไง แล้วถ้าลูกติดจุกหลอกขึ้นมา มีวิธีเลิกจุกหลอกยังไงบ้าง ในบทความนี้ไปดูกันเลย
จุกหลอก คืออะไร
จุกหลอก หรือ จุกนมเสมือนนมแม่ คือ จุกนมที่มักผลิตขึ้นจากพลาสติก ซิลิโคน หรือยาง เป็นอุปกรณ์ที่คล้ายจุกนมใช้สำหรับช่วยให้ทารกรู้สึกผ่อนคลาย ใช้ดูดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้เด็กหยุดร้องไห้ หรือช่วยป้องกันเด็กดูดนิ้ว
ส่วนใหญ่จะนิยมใช้กับทารกในช่วง 3 เดือนแรกที่ยังปรับตัวไม่ได้ ร้องไห้งอแง และต้องการดูดตลอดเวลาเพื่อความอบอุ่นใจ ปัจจุบันจุกหลอกที่วางขายมีให้เลือกหลากหลาย ขนาดของจุกหลอกที่แนะนำให้ใช้จะต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับอายุของเด็ก
การใช้จุกหลอกมีข้อดี – ข้อเสียอย่างไรบ้าง
ข้อดีของการใช้จุกหลอก
- ช่วยให้เด็ก ๆ อารมณ์ดีขึ้น เนื่องจากสามารถช่วยให้เด็ก ๆ ผ่อนคลายจากความเครียดหรือความกังวลได้
- สำหรับทารกที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ จุกหลอกสามารถช่วยให้เด็ก ๆ นอนหลับได้ดีขึ้น เพราะรู้สึกผ่อนคลาย
- ใช้เบี่ยงเบนความสนใจของลูกน้อยขณะที่ร้องไห้งอแง หรือใช้ตอนที่เด็ก ๆ ต้องเข้ารับการฉีดยา หรือหาคุณหมอ ช่วยให้เด็ก ๆ รู้สึกผ่อนคลายและปลอดภัยขึ้นได้
- ช่วยป้องกันนิสัยการติดดูดนิ้ว เพราะมีจุกหลอกอยู่ ซึ่งนิสัยการดูดนิ้วมักเลิกยากมากกว่าการติดจุกหลอก
- ช่วยในระหว่างการเดินทางไกล ๆ หรือการเดินทางด้วยเครื่องบิน ให้ลูกมีอะไรทำ ไม่ร้องไห้งอแง
ข้อเสียของการใช้จุกหลอก
- การใช้จุกหลอกเป็นระยะเวลานาน ๆ สามารถส่งผลเสียทำให้เกิดปัญหาในช่องปากของลูกได้ เช่น ฟันขึ้นในลักษณะผิดปกติ หรือฟันเรียงตัวผิดปกติ
- เด็ก ๆ มักติดนิสัยการใช้จุกหลอก ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ต้องมีจุกหลอกเสมอ ๆ แม้ตอนจะนอนก็ร้องจะเอาให้ได้
- จุกหลอกที่ไม่ได้รับการฆ่าเชื้อทำความสะอาดอย่างส่ำเสมอ อาจมีความเสี่ยงทำให้เด็ก ๆ มีอาการติดเชื้อที่หูได้
- การใช้จุกหลอกตั้งแต่ยังเด็ก อาจส่งผลให้ลูกเกิดความสับสนระหว่างเต้านมกับจุกหลอกได้ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการดูดนมแม่ เพราะมีวิธีการดูดที่แตกต่างกัน
อ่านเพิ่มเติม : อยู่ดี ๆ ลูกไม่ยอมดูดเต้า มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง พร้อมแนะนำวิธีแก้ไข
ลูกติดจุกหลอก เป็นอันตรายไหม
การใช้จุกหลอกที่มีขนาดไม่เหมาะสมกับวัยของลูกน้อย อาจส่งผลอันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว ดังนั้นต้องเลือกใช้จุกหลอกที่มีขนาดเหมาะสมตามคำแนะนำ ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป
และเพื่อเพื่อป้องกันอันตรายในการใช้จุกหลอก คุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจได้ว่า วัสดุที่นำมาผลิตจุกหลอกนั้นปลอดภัย ปราศจากสาเคมีอันตรายโดยสังเกตหาสัญลักษณ์ BPA Free ตลอดจนเครื่องหมาย มอก. ด้วย
สาเหตุที่ทำให้เด็กติดจุกนม
- ลูกติดจุกหลอก เพราะเด็กถูกปล่อยให้ใช้จุกหลอกตลอดเวลา เรียกว่าใช้จุกหลอกได้ทั้งวันทั้งคืน โดยที่พ่อแม่ไม่ได้สลับ หรือเบี่ยงเบนความสนใจลูกไปกับกิจกรรมอื่น
- ลูกติดจุกหลอกเพราะลูกน้อยถูกปล่อยไว้โดดเดี่ยวตามลำพังกับจุกหลอก เด็กจึงติดจุกหลอกเพราะเป็นเหมือนเพื่อน หรือสิ่งเดียวที่ช่วยให้รู้สึกปลอดภัย ผ่อนคลาย
- ลูกติดจุกหลอกเพราะเวลาร้องไห้ พ่อแม่ก็ยื่นจุกหลอกให้ลูกทันทีทุกครั้ง
- ลูกติดจุกหลอกเพราะไม่มีการฝึกลูกให้ใช้อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น พอเด็กเริ่มติดจุกหลอกไม่ยอมเข้าเต้า ก็เลือกที่จะให้นมด้วยขวดนมแทน เพราะมีลักษณะคล้ายจุกหลอกแล้วเด็ก ๆ ไม่ต่อต้าน
อ่านเพิ่มเติม : ลูกหงุดหงิดเวลาเข้าเต้า มีวิธีแก้ไขอาการเหล่านี้อย่างไรบ้าง
ลูกติดจุกหลอก ส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง
การใช้จุกหลอกมีข้อดีหลายข้อค่ะ แต่การที่ เด็กติดจุกหลอก หรือการใช้จุกหลอกเป็นระยะเวลานาน ๆ ติดต่อกัน สามารถส่งผลเสียระยะยาวเกี่ยวกับช่องปากของเด็ก ๆ ได้ ดังนี้
- การดูดจุกหลอก หรือการคาบจุกหลอกไว้ตลอดเวลา ส่งผลให้เด็กมีความเสี่ยงเกี่ยวกับอาการฟันยื่น ฟันเหยิน หรือฟันที่ขึ้นมาใหม่เรียงตัวไม่สวยงามได้
- เด็ก ๆ จะขาดจุกหลอกไปไม่ได้ หากโดนดึงออกหรือไม่ให้ใช้จุกหลอก ก็จะร้องไห้งอแงหนัก
- เพราะว่าลูกติดจุกหลอกมาก ต้องใช้ทั้งวันทั้งคืน อาจทำให้การนำจุกหลอกไปทำความสะอาดบ่อย ๆ ทำได้ยาก ทำให้เกินเชื้อโรคสะสมในตัวอุปกรณ์ และส่งผลเสียต่อสุขอนามัยของลูกได้
- เด็ก ๆ ที่เริ่มเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว โดยถึงเฉพาะตอนกำลังตั้งไข่ หัดเดิน หากหกล้มในขณะที่คาบจุกหลอกเอาไว้อยู่ อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้เลยทีเดียวค่ะ
วิธีแก้ลูกติดจุกหลอก
1.ให้ลูกเลิกใช้จุกหลอกเร็วได้เท่าไหร่ยิ่งดี โดยปรกติจุกหลอกสามารถใช้ได้กับเด็กในช่วง 3 เดือนแรก เพราะยังปรับตัวกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวไม่ได้ จุกหลอกเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เด็กผ่อนคลาย ดังนั้นเมื่อพ้น 3 เดือนแรกให้เริ่มหยุดการใช้จุกหลอก
2.ค่อย ๆ ลดระยะเวลาในการให้ลูกใช้จุกหลอกลง วิธีนี้เด็ก ๆ จะเริ่มเรียนรู้ว่าไม่สามารถใช้จุกนมหลอกได้ตลอดเวลา ก็จะเลิกสนใจไปเองได้
3.หากิจกรรมอย่างอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจ แทนที่เมื่อลูกร้องไห้งอแงจะต้องใช้จุกหลอกเพื่อเบี่ยงเบน ก็ลองเอาของเล่นไปวางใกล้ ๆ ดึงดูดความสนใจของลูกแทน
4.ทำให้จุกหลอกมีรสชาติแย่ เช่นเดียวกับที่คุณพ่อคุณแม่อาจเคยได้ยินเวลาจะให้เด็ก ๆ เลิกดูดนิ้ว ก็ให้เอาบอระเพ็ดที่มีรสขมมาทาที่นิ้วมือ เช่นเดียวกันค่ะคุณแม่อาจเอาบอระเพ็ด หรือมะนาวมาทาที่จุกหลอด เพื่อให้เด็ก ๆไม่ชอบเพราะจุกหลอกมีรสชาติที่แย่นั่นเองค่ะ
5.หักดิบการใช้จุกหลอกไปเลย คือ แม้จะร้องจะเอาจุกหลอกแค่ไหนก็ไม่ให้ แบบนี้อาจทำใจยากสักหน่อยแต่เมื่อเด็ก ๆ ร้องแล้วไม่ได้สิ่งที่ต้องการ เขาก็จะเรียนรู้และเลิกร้องขอใช้จุกหลอกไปเอง
การใช้จุกหลอกจะต้องมีความพอดีนะคะ ถ้าทุกครั้งที่เด็ก ๆ ร้องไห้แล้วผู้ใหญ่ยื่นจุกหลอกให้ หรือปล่อยให้เด็ก ๆ ใช้งานจุกหลอกเป็นเวลานาน ๆ ก็จะทำให้มีปัญหา ลูกติดจุกหลอก ได้ไปในที่สุดค่ะ แถมยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพในช่องปากของลูกน้อยอีกด้วย