อาการโคลิค
เด็กทารกแรกเกิดส่วนมากแล้วจะมี อาการโคลิค ซึ่งอาการโคลิคในทารกที่ว่านี้ก็ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนมีความกังวลอย่างมาก อาการที่เด่นชัดของโรคโคลิค คือ การร้องไห้งอแงอย่างไม่มีสาเหตุของลูกน้อย และมักเกิดขึ้นในเด็กแรกเกิด คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่ต้องปรับตัวกับชีวิตที่มีสมาชิกเพิ่มมาในครอบครัวยิ่งมาพบเจอกับอาการโคลิค ก็อาจจะยังทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่
วันนี้เราเลยจะมาทำความรู้จักกับ โรคโคลิค กันให้มากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอาการโรคโคลิคในทารกนี้ให้อยู่หมัดกันค่ะ
อาการโคลิคในทารกรุนแรงไหม
อาการโคลิคในทารก สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไปค่ะ โดยมักมีอาการในเด็กแรกเกิดไปจนถึงอายุ 3-4 เดือน ส่วนมากอาการโคลิคมักจะหายไปหลังเดือนที่ 3 เดือนที่ 4 หรือบางรายอาจใช้เวลานานกว่านี้ก็ได้ อาการทั่วไปของโรคโคลิคที่เห็นได้ชัด คือ เด็กมีอาการร้องไห้งอแง อย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่ว่าจะกินอิ่ม หรือนอนหลับแล้วก็ตาม การร้องไห้แต่ละครั้งกินเวลายาวนาน ซึ่งเป็นอาการปกติ หากวินิจฉัยว่าเป็นโรคโคลิคนี้ ถือว่าเป็นอาการที่ไม่รุนแรง
อย่างไรก็ตามหากอาการร้องไห้งอแง มีอาการอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น อาเจียน ขับถ่ายผิดปกติ ขับถ่ายมีเลือด หรือมีอาการชักเกร็งเหล่านี้ อาจจะหมายความว่ามีโรคอื่นแอบแฝง ทำให้ลูกร้องไห้งอแงคล้ายเป็นโคลิค ถ้ามีอาการแปลก ๆ ตามข้างต้นร่วมอยู่ด้วย ให้รีบพาเข้าพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติมทันทีค่ะ
อาการโรคโคลิคในเด็กเป็นอย่างไร
ย้ำอีกทีว่า อาการของโรคโคลิค สามารถเกิดขึ้นได้กับเด็ก ๆ ทุกคนเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือชาย หรือแม้แต่เด็กที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ ก็พบว่ามีอาการโคลิคได้เช่นกัน โดยอาการของโรคก็มักประกอบด้วย
- การร้องไห้อย่างหนักโดยไม่ทราบสาเหตุ
- แม้จะปลอบเท่าไหร่ ลูกน้อยก็ไม่หยุดร้อง ต้องรอจนกระทั่งหยุดร้องไปเอง
- ร้องเสียงดัง เสียงแหลม และกินเวลานาน บางครั้งร้องจนเสียงแหบแห้ง ก็ยังไม่หยุดร้อง
- โดยปกติเด็กที่มี อาการโคลิค มักร้องไห้ประมาณวันละ 3 ชั่วโมง มากกว่าสัปดาห์ละ 3 วัน และมักมีอาการโคลิคยาวนานอย่างน้อย 3 สัปดาห์หรือบางรายอาจนานกว่านั้น ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดิม ๆ เป็นประจำ ส่วนมากจะเกิดในช่วงเวลาเย็น หรือช่วงหัวค่ำ
- มีอาการหน้าแดง เกิดจากการร้องไห้ เปล่งเสียงเป็นเวลานาน
- บางรายมีอาการ กำมือแน่น งอตัว ชูขาและแขนทั้งสองข้างขึ้น เกร็งตามลำตัว
💡 เทคนิคเพิ่มเติม 💡
โรคโคลิคในเด็กสามารถป้องกันในระดับเบื้องต้นได้ ซึ่งคุณแม่ส่วนใหญ่จะนิยมใช้ขวดนมเด็กป้องกันโคลิคกัน ซึ่งคุณแม่คุณพ่อสามารถคลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยว่าควรเลือกขวดนมแบบไหนดี ยี่ห้อไหนดี ที่นี่ 👇
📌 [ 4 วิธีเลือกขวดนมแบบไหนดีที่สุด ] ให้เหมาะกับการกินนมของเด็กทารกแรกเกิด
📌 รีวิว 7 ขวดนมเด็ก ยี่ห้อไหนดี ที่คุณแม่นั้นนิยมใช้มากที่สุดในประเทศไทย
คลิกซื้อขวดนมป้องกันโคลิครักษาอาการโคลิคได้อย่างไรบ้าง
การรักษาอาการของโรคโคลิคโดยตรง ต้องบอกว่ายังไม่มีค่ะ เพราะสาเหตุที่ทำให้ลูกน้อยมีอาการโคลิคนั้นมีมากมาย ซึ่งหลายครั้งที่แพทย์ไม่สามารถวินิจฉัยสาเหตุแบบเฉพาะเจาะจงได้ เพราะมักมีข้อสันนิษฐานของหลาย ๆ สาเหตุรวมกัน ดังนั้นวิธีการรักษาอาการโคลิคจึงเป็นการทำให้เด็กผ่อนคลาย สบายตัวมากที่สุด เพื่อลดสาเหตุต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่ออาการร้องไห้งอแงได้ ดังนี้
- สุขภาพจิตใจของพ่อแม่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สามารถส่งผลต่อความตึงเครียดในภาวะจิตใจของทารกได้นะคะ เพราะฉะนั้นไม่ควรเครียดหรือมีอาการฉุนเฉียวในขณะที่อยู่ใกล้ทารก
- คอยตรวจสอบผ้าอ้อม หรือแพมเพิสของลูกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันความอับชื้น หรือความไม่สบายตัวที่เกิดจากการปัสสาวะ หรืออุจจาระ
- ปรับกิจวัตรประจำวันของลูกให้สม่ำเสมอ ทำให้ลูกคุ้นชินกับสิ่งใหม่ ๆ รอบตัว
- ให้ลูกเรอทุกครั้งหลังกินนม ช่วยให้ลูกน้อยในขับแก๊สในกระเพาะอาหารออก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ลูกมีอาการปวดท้อง ท้องอืดได้
- ใช้ขวดนมป้องกันโคลิค ที่มีนวัตกรรมช่วยป้องกันการเกิดแก๊สในกระเพาะอาหารจากการดูดนมขวดของลูกน้อยได้ เช่น ขวดนม Mummom เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม : รีวิว 7 ขวดนมเด็ก ยี่ห้อไหนดี ที่คุ้มค่าตอบโจทย์กับการใช้งานมากที่สุด
- ให้ลูกน้อยอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมในสภาพอากาศที่ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป
- สังเกตปริมาณการทานนมของลูก ต้องไม่น้อยหรือมากเกินไป ให้นมตามที่ลูกต้องการ
- ทารกที่กินนมแม่ อาจมีปฏิกิริยาต่อสารอาหารที่แม่รับประทานเข้าไป ให้สังเกตและลองหลีกเลี่ยงอาหารบางอย่าง เช่น คาเฟอีน นมวัว ไข่ ถั่ว แล้วดูการตอบสนอง
- ปัจจุบันนมสำหรับทารกบางชนิดมีสูตรพิเศษเพื่อช่วยให้นมย่อยได้ง่ายขึ้น สามารถช่วยลดอาการไม่สบายท้องของลูกได้
- การให้ยาเพื่อขับลม หรือลดอาการท้องอืด อาจช่วยบรรเทาอาการปวดท้องไม่สบายตัวของลูกน้อยได้ แต่ต้องเป็นยาที่กุมารแพทย์แนะนำเท่านั้นนะคะ
ขณะที่ลูกร้องควรทำอย่างไร ?
นอกจากวิธีการบรรเทา อาการโคลิคของลูก ในเบื้องต้นแล้ว ระหว่างที่ลูกร้องไห้เมื่อมีอาการโคลิค สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่จะสามารถปฏิบัติได้ มีดังนี้
- นวดลูกน้อยเบา ๆ หรือเขย่าเบา ๆ ไปมา ลูบหลังให้ เพื่อให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย
- อุ้มขึ้นพาดบ่าเพื่อช่วยดันลมในท้องออกมา
- เปิดเพลงเบา ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลาย
- เมื่อลูกร้องไห้ ให้สังเกตอาการอื่น ๆ ว่ามีอาการผิดปกติประกอบด้วยหรือไม่
- แม้ว่าอาการโคลิคจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกร้องไห้เป็นเวลานาน ไม่หยุด ก็ไม่ควรปล่อยให้เด็กร้องไห้อยู่คนเดียว โดยไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแล
เอาล่ะค่ะ สำหรับลูกน้อยที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามี อาการโรคโคลิค ก็อยากให้คุณพ่อคุณแม่ทำใจให้สบาย และมั่นใจได้ว่าอาการโคลิคนั้นไม่ใช่อาการถาวร จะหายไปเองได้ในไม่ช้า เพียงแต่ว่าอาการของโรคนี้คุณพ่อคุณแม่จะต้องฟังเสียงร้องไห้ของลูกเป็นเวลานานทุก ๆ วัน ซึ่ง Kidminute ก็ได้นำเทคนิคและวิธีการดูแลลูกน้อยระหว่างมีอาการมาแนะนำ และหวังว่าจะช่วยคุณพ่อคุณแม่ให้พร้อมรับมือกับอาการนี้ได้ในเบื้องต้นนะคะ
———-
ติดต่อเราผ่านช่องทางต่างๆ
โทร : 082-699-1659 (ฝ่ายขาย)
Line : @Kidminute
Facebook Page : Kid Minute Fanpage
Facebook Chat : Kid Minute
ช่องทางอื่นๆ : https://rakbaby.com/contact-us/
Pingback: โรคโคลิค ในเด็กทารก คืออะไร เกิดจากอะไรบ้าง พร้อมอาการที่คุณแม่ต้องรู้
Pingback: [ 4 วิธีเลือกขวดนมแบบไหนดีที่สุด ] ให้เหมาะกับการกินนมของเด็กทารกแรกเกิด